บรูไน ใช้กฎหมาย ปาหินใส่ เกย์ (รักร่วมเพศ) ไม่สนคนประณาม อ้างประเทศนี้นับถือองค์อัลเลาะห์


รัฐมนตรีต่างประเทศของบรูไนได้ออกมาปกป้องความเป็นธรรมให้กับชาติของตนเอง ในกรณีที่มีบทลงโทษบุคคลที่รักร่วมเพศด้วยการป่าหินใส่จนตาย และอนุญาตให้มีการตัดแขนขาเพื่อขโมย โดยออกมาพูดว่ากฎหมายทั้งหมดนี้จะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดเรื่องอื้อฉาวร่วมถึงเป็นธรรมที่สุด ทางด้านสหประชาชาติและกลุ่มสิทธิระหว่างประเทศต่างก็ได้ร่วมกันประณามการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุครั้งนี้ กล่าวว่ามีผู้คนมีจำนวนมากที่ต้องทรมานจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นนี้ นาย Erywan Yusof รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบรูไนได้ส่งจดหมายถึงเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหลายคนในสัปดาห์นี้ พูดถึงการป้องกันโดยละเอียดโดยกล่าวว่าการลงโทษเน้น “การป้องกันมากกว่าการลงโทษ” การรักร่วมเพศเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศมานานหลายปี ในขณะที่กฎหมายใหม่สะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มการบังคับใช้อย่างรุนแรง เป้าหมายคือเพื่อให้การศึกษา ยับยั้ง ฟื้นฟูแทนที่จะลงโทษ นี่เป็นคำพูดของนาย Mr. Yusof ซึ่งได้เขียนกฎหมายมีผลบังคับใช้วันที่ 3 เมษายน โดยอ้างว่ามันจะช่วยรักษาสมดุลระหว่างการปกป้องสิทธิของผู้ถูกกล่าวหากับสิทธิของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ในที่นี้เขาเองก็ไม่ได้บอกว่าคนที่เป็นเหยื่อนั้นคือคนกลุ่มใด แรงกดดันของนานาประเทศที่มีต่อบรูไน่ แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลมองว่ามันเป็นเรื่องที่ “ใจดำอำหิตและบ้าบิ่น” โดยเรียกร้องให้มีการเลิกใช้กฎหมายดังกล่าวในทันที Stephen Cockburn รองผู้อำนวยการแอมเนสตี้ได้ออกมาบอกว่า “ที่พวกเขาอ้างว่าเพื่อปกป้องการคุกคามนั้นไร้สาระอย่างมาก” ในประเทศบรูไนได้ประกาศการบทลงโทษครั้งใหม่สำหรับเกย์เมื่อประมาณ 6 ปีก่อน แต่ก็ถูกกดดันจากต่างประเทศอย่างหนักจนเกิดความล่าช้าไปในที่สุด เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ในเดือนนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ต่างพากันปลุกระดมครั้งใหญ่ รวมถึงคนดังมากมายให้มีการสนับสนุนการคว่ำบาตรทางธุรกิจของบรูไน เรวมถึงโรงแรมหรูหราที่สุดในโลกบางแห่งที่มีเจ้าของคือ Brunei Investment Agency ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาล กฎหมายใหม่นี้ยังนำไปสู่การเฆี่ยนตีประชาชนเป็นการลงโทษสำหรับคนที่ทำแท้ง รวมถึงเด็กมุสลิมที่มีความเชื่อในศาสนาอื่น ทางด้านนาย Yosuf ได้เขียนจดหมายได้ปกป้องสิทธิ์ของประเทศในการออกกฎหมายตามหลักศาสนาโดยกล่าวถึงประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่…

ความเท่าเทียม ทางเพศ ที่สังคมโลกเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น


สังคมไทยเราก็เหมือนกับสังคมอื่นทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ บางอย่างที่เคยไม่ยอมรับก็อาจจะกลายเป็นยอมรับได้มากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ เรื่องเพศเองก็เช่นกัน หากย้อนไปสัก 5-10 ปีก่อน การเปิดตัวว่าเป็นเพศทางเลือกนับว่าเป็นเรื่องที่อันตราย เรื่องน่าอายของตัวเองและคนในครอบครัว ตอนนี้ไม่ใช่แล้วสังคมไทยเราเปิดกว้างเรื่องเพศทางเลือก LGBT มากขึ้น คำว่ามากขึ้นนั้นมากแค่ไหน ที่ทำงานเปิดกว้างมากขึ้น เราเริ่มต้นจากสังคมวงการทำงานกันก่อน หากเป็นงานสังคมออฟฟิศเดี๋ยวนี้เพศทางเลือกก็ไม่ได้น้อยหน้าใครเหมือนกัน แต่ละองค์กรเปิดรับพนักงานที่ประกาศตัวว่าเป็นกลุ่ม LGBT มากขึ้น หลายองค์กรมองว่ารสนิยมทางเพศไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการทำงาน หลายคนในกลุ่มเพศทางเลือกสามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานมากขึ้น บางคนเป็นดาวเด่นในบริษัทด้วยซ้ำไป แต่งานบางตำแหน่งอาจจะยังจำกัดเรื่องเพศทางเลือกอยู่ ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกันไป สื่อและการนำเสนอ สื่อ จัดว่าเป็นตัวสำคัญเลยสำหรับกลุ่ม LGBT ด้านหนึ่งสื่อก็นำเสนอความเป็นธรรมชาติ เป็นตัวตนของกลุ่มคนเหล่านี้ว่า แท้จริงพวกเค้าก็คนเหมือนกับเรานี่แหละไม่ได้มีความแตกต่างอะไรเลย มีทั้งสุข เศร้า เหงา ตามธรรมชาติของชีวิต แต่บางสื่อก็นำเสนอว่ากลุ่ม LGBT เน้นเรื่องทางเพศมากเกินไป จนเหมือนกับสร้างภาพด้านลบว่ากลุ่มนี้จะชอบเรื่องเพศ เรื่องเซ็กส์ เป็นชีวิตจิตใจ หรือพูดง่ายๆ ว่าหื่นเกินคนปกติว่าอย่างนั้นเหอะ รวมถึงบางสื่อนำเสนอว่าคนกลุ่มนี้เป็นเหมือนกับตัวตลกที่เราสามารถเหยียบย่ำด้วยคำพูด การกระทำ ได้ซึ่งมันผิดอย่างมาก เพศทางเลือกใน เด็ก อีกหนึ่งอย่างที่เปลี่ยนไปเยอะ ก็คือ…